SEO ON-PAGE เป็นองค์ประกอบหลักที่สำคัญที่สุดแทบจะว่าได้ใน 3 ข้อหลักในการทำ SEO เพราะเป็นปัจจัยภายในของแต่ละเว็บที่จะนำออกไปสู่สาธารณะให้อ่านหรือรับชมในการค้นหาข้อมูล แล้วสร้างโอกาสทางการตลาด ให้เป็นที่รู้จักในเว็บของเรา ที่เรียกว่า Brand Awareness จึงเป็นคำถามว่า แล้ว บทความ นั้นทำอย่างไร และทำอย่างที่ถูกต้องด้วย (เพราะจะต้องเข้าใจว่า Google ชอบแบบ Organic กล่าวง่าย คือ เนื้อหาต้องทำมาเพื่อคุณภาพจริง ๆ)

หัวใจคือ การทำบทความ และ การค้นหา Keywords ที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า โดยต้อง อ้างอิงอย่างมีคุณภาพจากแหล่งที่เชื่อถือได้ รวมถึงการวางคำคีย์ที่เชื่อมโยงไปหาความรู้ที่เกี่ยวข้องกับ เว็บไซต์เรา
ทบทวนก่อนว่า SEO คืออะไร และมีหลักการทำเบื้องต้นกี่ข้อเป็นหลัก
SEARCH ENGINE OPTIMIZE หรือที่เราเรียกสั้นๆ ว่า SEO คือ การทำเว็บไซต์ให้มีประสิทธิภาพ และมีคุณภาพ เพื่อทำให้เว็บไซต์นั้นติดอันดับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหน้าแรกของการค้นหา เพราะโดยส่วนมากผู้ค้นหาจาก Google Seach นั้นมักจะคลิกในหน้าแรกและอันดับต้น ๆ ก่อนเสมอ ดังนั้นทำให้ผู้ที่สร้างเว็บไซต์นั้นจึงต้องการให้เว็บที่ทำนั้นติดหน้าแรก
3 ข้อหลักในการทำ SEO มีดังนี้
จากการสำรวจของเว็บไซต์ Highervisibility พบว่า ผู้เสิร์ชจะเลือกคลิกเว็บไซต์ที่อยู่ในหน้าแรกมากถึง 95% เลือกคลิกเว็บที่อยู่อันดับหนึ่งถึง 32% อันดับสอง 16% และอันดับสาม 10% ไล่ลงมาตามลำดับ เว็บไซต์ที่อยู่หน้า 2 มีคนคลิกเฉลี่ยอยู่ที่ 1%
เครดิตจากเพจ https://www.makewebeasy.com/th/blog/what-is-seo/
ปัจจุบันนี้ AI ของ Google ได้พัฒนาไปอย่างล้ำสมัยมาก สามารถเรียนรู้ได้อย่างชาญฉลาด จึงต้องทำความเข้าใจการทำบทความให้ถูกต้องตามหลัก SEO เพราะถ้าทำแบบทางลัด หรือ พยายามอัดคำคีย์(STUFFED KEYWORDS) แม้แต่กระทั่งให้ AI เขียนบทความแล้วก็อบปี้มา รับรองได้ AI ของ Google จับได้แน่นอน เพราะภาษาเขียนนั้น ภายใต้ AIด้วยกัน รับรองความฉลาดจับได้แน่ ๆ
ดังนั้น เราควรฝึกทำบทความ แบบสายขาว หรือ ที่เรียกว่า ทำแบบธรรมชาติ และให้ความรู้แบบมีคุณภาพจริง ๆ “ORGANIC CONTENT” จะปลอดภัยกว่า ถึงแม้จะช้าแต่ยั่งยืน
SEO ON-PAGE คืออะไร
การทำบทความ หรือ Content ที่อยู่ในเว็บไซต์นั้นให้เนื้อหามีประสิทธิภาพและคุณภาพ ตรงกับการค้นหาของผู้ใช้ ซึ่งเนื้อหาของบทความจะตอบโจทย์ความต้องการที่ตรงกับการค้นหาใน Google Search Engine (SEO)
การทำงานของ Search Engine เพื่อจัดอันดับเว็บไซต์
Crawling
คือกระบวนการที่เครื่องมือ Crawl bot จะเข้ามาสำรวจและสแกนเก็บข้อมูลจากหน้าเพจต่างๆ บนเว็บไซต์ โดยเครื่องมือนี้จะอ่านโค้ดและ Tag ต่างๆ เพื่อเก็บข้อมูลที่อยู่ในหน้าเว็บไซต์
Indexing
คือกระบวนการที่เครื่องมือ Bot จะนำข้อมูลเว็บไซต์ที่ได้จากกระบวนการ Crawling มาทำการดัชนีหรือเก็บข้อมูลในฐานข้อมูลของ Search Engine ซึ่งจะช่วยให้เครื่องมือ Bot สามารถหาข้อมูลในเว็บไซต์เมื่อมีการค้นหาคำค้น (Keyword) ต่างๆ
Ranking
คือกระบวนการที่เครื่องมือ Bot จะทำการจัดอันดับเพื่อนำเสนอผลการค้นหา โดยเมื่อมีการค้นหาเกี่ยวกับเนื้อหาในเว็บไซต์ การทำ Ranking จะให้คะแนนและประเมินเนื้อหาจากหน้าเพจต่างๆ ของเว็บไซต์เพื่อเลือกหน้าเพจที่น่าจะตอบโจทย์คนที่ค้นหามากที่สุด ตัวเครื่องมือ Bot จะพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ ที่เรียกว่า “Ranking Factors” ซึ่งมีเรื่องของ On-page SEO เป็นส่วนที่สำคัญ
เครดิตจากเพจ https://digimusketeers.co.th/blogs
SEO ON-PAGE เบื้องต้นมีองค์ประกอบอะไรบ้าง
หัวใจหลักในกลุ่มนี้ คือ Keywords หรือ คำ,ประโยค ที่จะใช้ค้นหา ซึ่งเราต้องทำความเข้าใจว่า คีย์หลักที่เราจะให้ลูกค้าค้นหานั้นคืออะไร และมีอะไรบ้าง กับเว็บไซต์ของเรา เพื่อแสงดให้กูเกิ้ลรับรู้ว่า คีย์นั้น มีความเกี่ยวข้องกับเว็บอย่างไร ต้องแสดงเนื้อหาเราให้รู้สึกถึงความชำนาญในคีย์นั้น และมีความเชื่อมโยงกับคีย์อื่น ๆ ในเว็บให้ได้ ตามหลักของกูเกิ้ลให้ไว้ คือ EEAT
Experience (E)
การนำประสบการณ์ที่เคยพบเจอหรือสัมผัส มาเขียนบอกเล่าลงไปในบทความ โดยอาจจะมีการสอดแทรกความคิดเห็นลงไปด้วยหรือไม่ก็ได้ ซึ่งสิ่งนี้จะช่วยให้เนื้อหาของคุณมีความแปลกใหม่ ไม่ซ้ำกับเว็บไซต์อื่น ๆExpertise (E)
การเขียนเนื้อหาด้วยความเชี่ยวชาญ เขียนลงลึกถึงรายละเอียดได้จริง เขียนเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนั้นได้อย่างครบถ้วน เขียนออกมาให้ผู้อ่านเข้าใจได้ง่าย ๆ และรวมไปถึงการเขียนบทความยาว ๆ ด้วยAuthoritativeness (A)
เขียนให้ทุกคนรู้ว่าเราคือตัวจริงในด้านนี้ จนใคร ๆ ก็อยากนำเราไปเป็น Refference และอ้างอิงกลับมา (Backlink) นอกจากนี้เนื้อหาบนเว็บไซต์ต้องเป็นเรื่องเดียวกัน มีการเชื่อมโยงลิงก์ต่าง ๆ ไปมาหากัน เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือและเสริมสร้างอิทธิพลให้แข็งแกร่งขึ้นด้วยTrustworthiness (T)
สร้างความน่าเชื่อถือด้วยความโปร่งใสของข้อมูลและเว็บไซต์
โดยการทำเนื้อหานั้นมีโครงสร้างเบื้องต้นดังนนี้
Keywords
คือ Keywords หรือ คำ,ประโยค ที่จะใช้ค้นหา ซึ่งเราต้องทำความเข้าใจว่า คีย์หลักที่เราจะให้ลูกค้าค้นหานั้นคืออะไร และมีอะไรบ้าง กับเว็บไซต์ของเรา เพื่อแสงดให้กูเกิ้ลรับรู้ว่า คีย์นั้น มีความเกี่ยวข้องกับเว็บอย่างไร ต้องแสดงเนื้อหาเราให้รู้สึกถึงความชำนาญในคีย์นั้น และมีความเชื่อมโยงกับคีย์อื่น ๆ ในเว็บให้ได้
HTML Tag
คือการวางหัวข้อของเนื้อหาซึ่งมี เบื้องต้นดังนี้
หัวข้อเรื่อง H1
หัวข้อรองลงมา H2 , H3 (แนะนำว่าไม่ควรเกิน H3 จะทำให้เนื้อหาง่ายต่อการอ่าน)
Meta Description
คือส่วนอธิบายให้ Google เข้าใจเเบบย่อว่า เนื้อหาเรากล่าวถึงอะไรโดยมี Keywordsวางไว้ด้วย
Image
รูปภาพประกอบที่อธิบาย โดยต้องตั้งชื่อตาม Keywordsด้วย ALT (คือการวางชื่อให้กับรูปภาพ)
SEO Title
คือการวางหัวข้อของบทความต้องไม่ยาวจนเกินไปและต้องตรงกับคีย์ที่ใช้
เช่น คีย์ โคมไฟไฮเบย์ ดังนั้น SEO Tilte คือ โคมไฟไฮเบย์ คืออะไร เลือกซื้ออย่างไร
จากตัวอย่าง การวางหัวข้อนั้น มาจากคีย์ Keywords สมาธิ คืออะไร และนำมาสร้าง Title ให้ลักษณะตรงกับปัญหาของผู้ค้นหา เช่นตามตัวอย่าง”สมาธิ คืออะไร ฝึกนั่งมีวิธีใดบ้าง และสมาธิมีกี่ประเภท (จากตัวอย่างจะเห็นว่าติดอันดับ 9 ในหน้าแรก)
Internal Link
คือในส่วนของอ้างอิงเนื้อหาของภายในเว็บของเรา เช่น บทความอื่นที่มีความเกี่ยวข้องกับ บทความที่กำลังเขียน และ บ่งบอกถึงความเชี่ยวชาญของเนื้อหานั้น ๆ ว่าเว็บเรามีความเข้าใจ
Outbound Link
คือการอ้างอิงถึง เนื้อหาจากเว็บอื่นที่มีความน่าเชื่อถือหรือมักเรียกกันว่า Authority ถ้าเราอ้างอิงเนื้อหาที่มีคุณภาพจะทำให้เรามีโอกาสติดอันดับเพราะเราวางเนื้อหาที่ทำให้มีความน่าเชื่อถือ
แนะนำการทำ ON-PAGE โดยใช้ โปรแกรม Yoast
ข้อดีคือ โปรแกรมจะวางโครงสร้างการวางบทความให้เราซึ่งทำให้เราทำบทความแล้วมีตัวตรวจสอบว่าทำถูกต้องตามหลักของ Google หรือไม่
ตัวอย่างการวางโครงสร้างบทความ ในส่วนของเนื้อหาหรือ Content โดยโปรแกรม Yoast