SEO คืออะไร หรือ Search Engine Optimize เมื่อมีเว็บไซต์สำหรับสินค้าและบริการ ย่อมต้องการให้ลูกค้าค้นเจออันดับแรก ๆ อีกทั้งการพบเจอบ่อย ๆ ในหน้าแรกจะทำให้มีความเชื่อถือและมีความรู้สึกว่า แบรนด์สินค้านั้นมีคุณภาพอันดับต้น ๆ ในตลาดของแต่ละอุตสาหกรรมหรือสินค้าและบริการนั้น ๆ
ดังนั้น สำหรับการทำการตลาดดิจิตัลในปัจจุบัน ต้องหันมาทำความเข้าใจและสนใจอย่างมาก เพราะทุกข้อมูลล้วนอยู่ในอินเทอร์เนทเป็นหลัก ดังนั้นการค้นหาเพื่อให้เจอในสิ่งที่ต้องการจึงเป็นหัวใจในหลักการนี้ และที่สำคัญคือ ทำให้เกิดการจดจำแบรนด์สินค้านั้นด้วยหรือที่มักจะเรียกว่า BRAND AWARENESS
หลายท่านยังสงสัยว่า SEO คืออะไร ,ทำไมถึงต้องทำ และ ทำอย่างไร สุดท้ายแล้วต้องวัดผลอย่างไร บทความนี้รวบรวมคำตอบแบบเบื้องต้นมาให้ครับ
SEO คืออะไร

SEARCH ENGINE OPTIMIZE หรือที่เราเรียกสั้นๆ ว่า SEO คือ การทำเว็บไซต์ให้มีประสิทธิภาพ และมีคุณภาพ เพื่อทำให้เว็บไซต์นั้นติดอันดับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหน้าแรกของการค้นหา เพราะโดยส่วนมากผู้ค้นหาจาก Google Seach นั้นมักจะคลิกในหน้าแรกและอันดับต้น ๆ ก่อนเสมอ ดังนั้นทำให้ผู้ที่สร้างเว็บไซต์นั้นจึงต้องการให้เว็บที่ทำนั้นติดหน้าแรก
จากการสำรวจของเว็บไซต์ Highervisibility พบว่า ผู้เสิร์ชจะเลือกคลิกเว็บไซต์ที่อยู่ในหน้าแรกมากถึง 95% เลือกคลิกเว็บที่อยู่อันดับหนึ่งถึง 32% อันดับสอง 16% และอันดับสาม 10% ไล่ลงมาตามลำดับ เว็บไซต์ที่อยู่หน้า 2 มีคนคลิกเฉลี่ยอยู่ที่ 1%
เครดิตจากเพจ https://www.makewebeasy.com/th/blog/what-is-seo/
%
ส่วนใหญ่จะคลิกที่หน้าแรกมากถึง 95 %
SEO คือสำคัญอย่างไร ทำไมถึงต้องทำ

แน่นอนว่าการทำเว็บไซต์ส่วนหนึ่งต้องเกี่ยวข้องกับผลของทางธุรกิจ หรือ เป้าหมายตามวัตถุประสงค์ ของผู้ทำเว็บ ย่อมต้องการให้มีคนเข้ามาเข้ามาเยี่ยมชม , ติดต่อ ,ทำให้รู้จัก Brandของแต่ละสินค้า
ดังนั้น การทำ SEO จะช่วยให้ลูกค้าหรือเป้าหมายของเรานั้น ค้นเจอเรา ติดต่อเราได้ ทำให้เกิดการเชื่อมโยงของการติดต่อสอบถาม ดูข้อมูล , ตัดสินใจติดต่อขอข้อมูล , ซื้อสินค้าและบริการ
เราเคยรู้ไหมว่าเราและคู่แข่งหรือสินค้าแบบเดียวกับเรา ลูกค้าจะเจอใครก่อน และเราอยู่ตรงไหน
เมื่อเราอยากจะรู้อะไร และ ค้นหาสินค้า รวมถึงข้อมูลติดต่อ ส่วนมากจะค้นจาก Google
ดังการค้นหาถ้าเว็บเราติดหน้าแรก ก็จะทำให้มีโอกาสในการขายหรือสร้างลูกค้า สร้างการจดจำ และความเชื่อถือในแบรนด์ เพราะค้นตรงไหนก็เจอเรา ทำให้จดจำเราในวงการสินค้านั้น หรือ ที่เรียกว่า Brand Awareness เป็นสิ่งที่นักการตลาดวางเป้าหมายเมื่อสินค้ากำลังอยู่ในช่วงสร้างความแข็งแกร่งให้กับBrand
มีความรู้สึกว่า กลุ่มที่เจอหน้าแรก ๆ มักจะเป็นสินค้าชั้นนำ
สรุปเบื้องต้นดังนี้ทำไมต้องทำ SEO
- ทำให้ลูกค้ารู้จักว่าเราเปิดร้านขายอะไร ที่ไหน อย่างไร
- ทำให้เกิดโอกาสทางการตลาด เมื่อมีการค้นหา เพราะตลาดออนไลน์กว้างมาก เช่น เราสามารถขายของได้ทุกภาคในไทย ไม่จำเป็นต้องอยู่เฉพาะในพื้นที่นั้น ๆ
- เราเปิดร้านใหม่ คนจะเจอเราได้ส่วนหนึ่งเกิดจากการค้นหา Keywords จาก google Search
- ทำให้เราเป็นที่จดจำในวงการสินค้าและบริการนั้น ๆ
SEO ทำอย่างไร และ หลักการทำอย่างไร
การทำ SEO นั้นสามารถแบ่งได้เป็น 3 หัวข้อหลักที่นับว่าเป็นโครงสร้างหลักในการทำ SEO ซึ่งมีดังนี้



SEO ON-PAGE
หัวใจหลักในกลุ่มนี้ คือ Keywords หรือ คำ,ประโยค ที่จะใช้ค้นหา ซึ่งเราต้องทำความเข้าใจว่า คีย์หลักที่เราจะให้ลูกค้าค้นหานั้นคืออะไร และมีอะไรบ้าง
โดยการทำเนื้อหานั้นมีโครงสร้างเบื้องต้นดังนนี้
- Keywords
- HTML Tag คือการวางหัวข้อของเนื้อหาซึ่งมี เบื้องต้นดังนี้
- หัวข้อเรื่อง H1
- หัวข้อรองลงมา H2 , H3 (แนะนำว่าไม่ควรเกิน H3 จะทำให้เนื้อหาง่ายต่อการอ่าน)
- Meta Description คือส่วนอธิบายให้ Google เข้าใจเเบบย่อว่า เนื้อหาเรากล่าวถึงอะไรโดยมี Keywordsวางไว้ด้วย
- Image รูปภาพประกอบที่อธิบาย โดยต้องตั้งชื่อตาม Keywordsด้วย ALT (คือการวางชื่อให้กับรูปภาพ)
- SEO Title คือการวางหัวข้อของบทความต้องไม่ยาวจนเกินไปและต้องตรงกับคีย์ที่ใช้
- เช่น คีย์ โคมไฟไฮเบย์ ดังนั้น SEO Tilte คือ โคมไฟไฮเบย์ คืออะไร เลือกซื้ออย่างไร
- Internal Link คือในส่วนของอ้างอิงเนื้อหาของภายในเว็บของเรา เช่น บทความอื่นที่มีความเกี่ยวข้องกับ บทความที่กำลังเขียน และ บ่งบอกถึงความเชี่ยวชาญของเนื้อหานั้น ๆ ว่าเว็บเรามีความเข้าใจ
- Outbound Link คือการอ้างอิงถึง เนื้อหาจากเว็บอื่นที่มีความน่าเชื่อถือหรือมักเรียกกันว่า Authority ถ้าเราอ้างอิงเนื้อหาที่มีคุณภาพจะทำให้เรามีโอกาสติดอันดับเพราะเราวางเนื้อหาที่ทำให้มีความน่าเชื่อถือ

ตัวอย่างการวางโครงสร้างบทความ ในส่วนของเนื้อหาหรือ Content โดยโปรแกรม Yoast
SEO OFF-PAGE
หลักการนี้หัวใจเรามักจะเรียกว่า การทำ BackLink เพื่อผลักดันการติดอันดับ
คือการนำบทความของเราไปลงเผยแพร่ตามโซเชี่ยล แล้วอ้างอิงกลับมาหาเว็บเรา โดยเราจะเน้นเผยแพร่บทความที่มีคนเข้าอ่านเยอะ ๆ
ถ้ามีการนำบทความของเราไปลงแล้วอ้างอิงกลับมา ที่เว็บเราเยอะแล้วมี Traffic(คือการเข้าถึงในเว็บ) ที่เป็นแบบ Organic นั้นจะทำให้โอกาสผลักดันเว็บเราติดอันดับสูงขึ้น

ตัวอย่าง Social ที่ใช้แชร์บทความเนื้อหาที่ทำจากOn-page
SEO Web Performance
การทำให้เว็บมีประสิทธิด้านการแสดงผล และ การวางโครงสร้างของเว็บไซต์
เบื้องต้นมีดังนี้
- การใช้ภาพที่มีคุณภาพแต่ไม่ทำให้โหลดช้า ซึ่งจะมีการใช้รูปภาพที่มีนามสกุล jpg , Png แต่ ณ ปัจจุบัน หันมาปรับการแปลงรูปใช้นามสกุล Webp ซึ่งเป็นการทำให้ภาพคุณภาพดี แต่ขนาดไม่ใหญ่
- การทำ xml sitemap เพื่อทำให่ Google bot เข้าใจเว็บของเราว่ามีโครงสร้างอย่างไร
- https:// หรือ SSL ที่ทำให้เว็บมีความปลอดภัยในการไม่ถูกเข้า Hack จะทำให้มีความน่าเชื่อถือมากกว่า http://
- Mobile Responsive mode คือการทำเว็บให้รองรับการดูผ่านโทรศัพท์มือถือ

ภาพตัวอย่างรูปที่ใช้ Webp ทำให้รูปมีขนาดที่เล็กแต่คุณภาพในการโหลดดี
สรุป ความสำคัญของ SEO
- สรุป การทำ SEO นั้นยังมีปัจจัยอื่น ๆ มีมากมาย แต่ในบทความนี้ รวบรวมตัวอย่างโครงสร้างเบื้องต้นในการทำ SEO ให้เราเข้าใจหลักการ
- ความสำคัญของการทำ SEO คือทำให้โอกาสค้นหาเว็บเราแล้วสร้างความรู้จักกับแบรนด์
- มีตลาดที่กว้างและโอกาสมากขึ้น สำหรับการวางกลยุทธ์สร้าง brand ให้แข็งแกร่งขึ้นด้วยคอนเทนต์และKeywordsที่ตรงกับการค้นหา
- การทำให้ข้อมูลเข้าถึงกับความต้องการจากปัญหาที่เข้ามาค้นหา