การทำ SEO  หัวใจหลักคือ การทำบทความและContent และเรียกการสั้น ๆ ว่า SEO On Page ดังนั้นการทำบทความและเว็บไซต์จึงต้องมีกลุ่มคำที่แสดงถึงสินค้าหรือคำที่ใช้ค้นหาของลูกค้า นั่นคือ คีย์เวิดร์ Keyword

SEO ON-PAGE คืออะไร ต้องทำบทความอย่างไรให้ติดอันดับ

seo on page

Keyword คียเวิร์ด คืออะไร

คำที่ใช้ในการค้นหา ใน Search Engine เช่น คำที่พิมพ์หาใน Google , Yahoo , Bing  เพื่อให้ได้รับข้อมูลออกมาตามที่ระบุพิมพ์ลงไปในการค้นหา คำที่เราพิมพ์ลงไปเพื่อให้ได้คำตอบออกมา สิ่งนี้เองที่เรียกว่า คีย์เวิร์ด

Keywords หรือ คำ,ประโยค ที่จะใช้ค้นหา ซึ่งเราต้องทำความเข้าใจว่า คีย์หลักที่เราจะให้ลูกค้าค้นหานั้นคืออะไร และมีอะไรบ้าง กับเว็บไซต์ของเรา เพื่อแสงดให้กูเกิ้ลรับรู้ว่า คีย์นั้น มีความเกี่ยวข้องกับเว็บอย่างไร ต้องแสดงเนื้อหาเราให้รู้สึกถึงความชำนาญในคีย์นั้น และมีความเชื่อมโยงกับคีย์อื่น ๆ ในเว็บให้ได้

meta description seo

ตัวอย่าง ค้นหาคีย์ “สมาธิ คืออะไร”  ซึ่งผู้ค้นหาอยากได้ความรู้เกี่ยวกับ สมาธิ

Keywordคียเวิร์ดนำมาเรียบเรียงอย่างไร

เราสามารถแบ่ง Keyword เบื้องต้นได้ดังนี้ (ตามประสบการที่ผ่านมามีหลายหลักการ แต่จะขอจัดให้ดูง่าย ๆ ดังนี้ครับ)

การจัดหาคีย์นั้น มีหลายวิธี และมีหลายหลักการ แต่สำหรับผู้ที่ฝึกหรือหัดทำ SEO ใหม่ ๆ นั้น อาจจะทำให้สับสบว่า แบบไหนถูกต้อง แล้วเลือกคีย์ถูกไหม จะถูกต้องตามหลักหรือไม่ และการใช้หลายเครื่องมือจะทำให้สับสนได้

1. อันดับแรกเราต้องหาคีย์หลักของเว็บเรา หรือ สินค้าเราคืออะไร

ความหมายในหัวข้อนี้คือ คีย์นี้

อันดับแรกเราต้องหาคีย์หลักของเว็บเรา หรือ สินค้าเรา เราจะเรียกกลุ่มนี้ว่า Seed Keywords หรือ Keyword Focus ดังนั้น คำที่ใช้ในคีย์กลุ่มนี้จะมุ่งเป้าไปที่ผลิตภัณฑ์สินค้า และ เนื้อหาก็จะเป็นคุณสมบัติของสินค้า ว่ามีคุณสมบัติเด่นอะไร มีประโยชน์อะไร มีความคุ้มค่า และ ราคาอย่างไร

คีย์กลุ่มนี้ที่เราทำหน้าเพจ แนะนำว่าให้ทำเป็นหน้าสินค้า อธิบายรายละเอียดผลิตภัณฑ์

ตามตัวอย่าง ด้านล่าง ถ้าลองค้นหา คำว่า โคมไฟไฮเบย์ หรือ led t8  เราจะเจอแต่สินค้า แทบไม่เจอบทความในด้านอธิบายความรู้

*** ไม่จำเป็นต้องมีคีย์หลักเดียว แต่ขอให้จัดหมวดหมู่ของเว็บไซต์ของเราหรือสินค้าเรา เช่น สินค้าหลอดไฟLED

ตัวอย่าง สินค้าหลอดไฟ LED และ เน้นขายงานโรงงาน 

  • Key focus ที่สินค้า ได้แก่   หลอด LED , โคมไฟไฮเบย์ , โคมไฮเบย์ , หลอดไฟ led , led t8

keyword , keywords สินค้า

ขอบคุณภาพจากการค้นหาในgoogle

 

2. คีย์เวิร์ดในลักษณะให้ความรู้และตั้งมาจากคำถามหรือปัญหาของผู้ค้นหา หรือ  LongTail Keyword

คีย์นี้จะเป็นลักษณะบทความที่ให้ความรู้ที่เกี่ยวข้องกับสินค้านั้น  ๆ  รวมถึงปัญหาความไม่เข้าใจในสินค้านั้น ไม่ว่าจะเป็นสินค้านั้น คืออะไร ใช้อย่างไร แก้ไขอย่างไร ทำอย่างไร ซื้อที่ไหน เป็นต้น  คีย์กลุ่มนี้ยังสามารถนำไปแสดงถึงความรู้ ความเชี่ยวชาญ ของกลุ่มสินค้านั้น จะเป็นไปตามหลักของ Google ที่ต้องแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมโยงของเนื้อหาและความเป็นประโยชน์ความรู้ที่แสดงว่ามีความเชี่ยวชาญว่าเป็นแหล่งรวมความรู้ในด้านนั้น ๆ

คีย์กลุ่มนี้จะมีลักษณะเฉพาะเจาะจงย่อยลงมา จะทำให้แคบลง

  • รองเท้า คือ คีย์หลัก
  • รองเท้าสำหรับเที่ยวปีนเขา  หรือ รองเท้าปีนเขา คืออะไร   คือ คีย์ที่ต้องการคำตอบที่เจาะจงลงมา

 

สรุปจากตัวอย่างข้อ 1 ที่คีย์หลักคือ สินค้าหลอดไฟ

  • seed keyword หรือ Focus ได้แก่ โคมไฟไฮเบย์
  • คีย์เวิร์ดหลักแสดงความรู้ Expertise ความเชื่ยวชาญ ได้แก่ โคมไฟไฮเบย์ คืออะไร

ตัวอย่างการค้นหาในกลุ่มนี้

longtail keyword

 

3. คีย์เวิร์ดในลักษณะเสนอข้อความรู้และรวบรวมความรู้จากเรื่องนั้น ๆ Tip Keyword

คีย์กลุ่มนี้จะเป็นการรวบรวมความรู้เพื่อแสดงไปถึงคีย์หลัก และทำให้รู้สึกถึงคามประสบการณ์ของผู้ทำบทความรวมถึงความเชี่ยวชาญ เช่น 5 ข้อดีของการใช้หลอดไฟ LED , รีวิวของดีจังหวัดนครราชสีมา

คีย์เวิร์ด

Keyword คียเวิร์ด ค้นหาอย่างไรและทำอย่างไรบ้าง

สำหรับเบื้องต้นแบบง่าย ๆ แต่รับรองได้ผล เพื่อลดความเครียดว่าจากตรงไหนถูกต้องกันแน่ แต่บอกได้เลยว่านำมาใช้ได้เหมือนกัน เพราะสุดท้ายแล้วจะอยู่ในส่วนของการเขียนเนื้อหานั้น ๆ ตามคีย์ที่จะทำ

หลักการที่เราใช้มองว่าคีย์ไหนสำคัญและน่านำมาทำจะมองเบื้องต้นดังนี้

ใช้เครื่องมือ SEO

  • Google Keyword Planner
  • SEMrush
  • Ubersuggest
  • Ahrefs
  • Moz Keyword Explore
  • ต้องมีคนค้นหา หรือ Volume  กล่าวง่าย ๆ คือ คำนี้มีคนค้นหามาก่อนและมีการเข้าไปใช้งานจริง

 

ตัวอย่าง โดยการใช้โปรแกรม Ubersuggest

uber suggest

 

 

 

 

 

 

หาจากเว็บของกูเกิ้ล โดยพิมพ์เข้าไปแล้วจะมีเสนอแนะนำออกมา หรือที่เรียกว่า suggestion keywords

 

วิเคราะห์คู่แข่ง
– ศึกษาคำหลักที่คู่แข่งของคุณใช้ โดยการใช้เครื่องมือ SEO เช่น SEMrush หรือ Ahrefs เพื่อดูว่าเว็บไซต์ของคู่แข่งมีการจัดอันดับสำหรับคำใดบ้าง

Google Autocomplete & Related Searches
– ลองค้นหาคำที่เกี่ยวข้องใน Google แล้วดูคำแนะนำจากการค้นหาของ Google (Autocomplete) หรือดูคำค้นหาที่แสดงในส่วน “Related Searches” ที่ด้านล่างของหน้าผลการค้นหา

ตรวจสอบคำถามและคำตอบ
– ใช้ **Quora** หรือ **Reddit** เพื่อดูคำถามที่คนทั่วไปถามในหัวข้อที่คุณสนใจ หรือใช้ **AnswerThePublic** ซึ่งช่วยแสดงคำถามและคำที่คนค้นหาบ่อยๆ ในรูปแบบคำถาม

ใช้ Google Trends
– Google Trends ช่วยให้คุณเห็นแนวโน้มของคำค้นหาต่างๆ ว่ามีการเปลี่ยนแปลงความนิยมอย่างไรในช่วงเวลาต่างๆ ซึ่งสามารถช่วยให้คุณรู้ว่าคำไหนกำลังได้รับความสนใจ

การใช้ Long-Tail Keywords
– Long-tail keywords หรือคำหลักที่ยาวและเฉพาะเจาะจงมักมีการแข่งขันที่น้อยกว่าคำหลักที่สั้นและทั่วไป แต่ยังคงสามารถนำไปสู่การเพิ่มการเข้าชมเว็บไซต์ได้

ใช้คำหลักที่เกี่ยวข้อง (LSI Keywords)
– คำหลักที่เกี่ยวข้องกับคำหลักหลัก (Latent Semantic Indexing – LSI Keywords) เช่น ถ้าคุณกำลังทำ SEO สำหรับ “การทำอาหาร” คำที่เกี่ยวข้องอาจจะเป็น “สูตรอาหาร,” “เคล็ดลับการทำอาหาร,” หรือ “วิธีทำอาหารง่ายๆ”

การเลือกคำหลักที่เหมาะสมต้องพิจารณาจากความเกี่ยวข้องกับเนื้อหาของเว็บไซต์, ความนิยมในการค้นหา, และความสามารถในการแข่งขันในตลาดที่คุณต้องการเจาะจงครับ.

Pin It on Pinterest

Share This